สารบัญ
ความแตกต่างระหว่างไคติน กับไคโตซาน
ไคติน (Chitin) และ ไคโตซาน (Chitosan) เป็นสารที่ได้มาจากเซลลูโลส (cellulose) ในเซลล์ผิวของสัตว์ทะเล โดยเฉพาะคือ กระดุมหรือ เปลือกอย่างไร่ทะเล (crustacean) เช่น กุ้งและปู แต่มีความแตกต่างกันในการสารองค์ของโมเลกุลเบนซีล์ที่ได้มาจากโมเลกุลเบนซีล์ ซึ่ง Chitin และ Chitosan มีโครงสร้างเคมีที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
- Chitin (ไคติน)
- Chitin เป็นโพลิเมอร์ของไนแตไนล์ (N-acetylglucosamine) ที่ต่อกันเรียงตามโครงสร้างเคมีที่มีหลายหมื่น โมเลกุลของ Chitin มีโครงสร้างที่ประกอบด้วยโมเนียโมเลกุลของไนแตไนล์ ซึ่งมีกลุ่มอะไรดิกอนและไนล์อะติกที่เป็นของไนแตไนล์
- Chitosan (ไคโตซาน)
- Chitosan เกิดจากการละลายสารองค์ของไนแตไนล์ใน Chitin โดยการนำออกกลุ่มไนแตไนล์ ซึ่งทำให้เกิดกลุ่มไนโตรเจนเปลี่ยนเป็นกลุ่มอะมีโนไนที่กระตุ้นให้ Chitosan มีคุณสมบัติที่ต่างจาก Chitin เช่น ละลายได้ในน้ำมีความไวสูง, มีมูลค่าทางการแพทย์และแม่เหล็กที่มีความปรับปรุงในการทำหลอดเลือด
ดังนั้น ความแตกต่างหลักคือในโครงสร้างเคมีของโมเลกุลเบนซีล์ ซึ่ง Chitin มีโมเลกุลเบนซีล์ที่ประกอบด้วยไนแตไนล์ ในขณะที่ Chitosan เกิดจากการละลายไนแตไนล์ใน Chitin และมีกลุ่มอะมีโนไนที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
ไคติน (Chitin) มีประโยชน์ต่อพืชหรือไม่
ไคติน (Chitin) เป็นโพลีซาคาริดที่พบมากในสิ่งมีชีวิตทะเลเช่น เปลือกของสัตว์ทะเลและแมลงที่มีเปลือกแข็ง ซึ่งมักถูกใช้เป็นวัสดุสำหรับหลายวัตถุทางการแพทย์และอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม ไคตินไม่ได้ถูกใช้โดยตรงในการเพาะปลูกพืช แต่มีศึกษาและวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการใช้ไคตินหรือผลิตภัณฑ์ที่มีไคตินเป็นส่วนประกอบสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชได้บ้าง โดยเฉพาะกับพืชที่มีการเผาผลาญต่ำ เนื่องจากไคตินมีลักษณะที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในดินได้เร็ว และสามารถมีผลกระทบต่อสภาพดินและสิ่งแวดล้อมได้น้อยกว่าสารปุ๋ยเคมีบางประการ
นอกจากนี้ การใช้ไคตินในการป้องกันกำจัดศัตรูพืชและโรคพืชก็เป็นไปได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถสะสมได้ของสารป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีอยู่ในเปลือกของสัตว์ทะเลและแมลงที่มีไคติน
อย่างไรก็ดี การใช้ไคตินในการเพาะปลูกหรือเพาะเมล็ดพืชยังต้องมีการศึกษาและทดลองเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพและผลกระทบที่เกิดขึ้นบนพืชในเงื่อนไขที่แตกต่างกัน
ไคโตซาน (chitosan) เหมาะกับพืชประเภทใด
ไคโตซาน (Chitosan) มีความเหมาะสมในการใช้กับหลายประเภทของพืช เนื่องจากมีคุณสมบัติที่สามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตและเสริมระบบป้องกันภูมิคุ้มกันของพืชได้ นอกจากนี้, ไคโตซานยังมีศักยภาพในการป้องกันกำจัดโรคพืชและแมลงศัตรูพืช โดยมักจะถูกนำมาใช้ในการจัดการแมลง, โรครา, และโรคพืชอื่น ๆ ในการเพาะปลูก
นิยามของไคโตซานเป็นโพลีซาคาริดที่ได้มาจากการละลายไคติน (Chitin) โดยการนำออกกลุ่มไนแตไนล์ ซึ่งทำให้เกิดกลุ่มไนโตรเจนที่เปลี่ยนแปลงและมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากไคติน ไคโตซานมีความละลายในน้ำและมีลักษณะที่ช่วยในการปรับปรุงความอ่อนนุ่มของดิน นอกจากนี้ ไคโตซานยังมีฤทธิ์ทางโบราณที่ช่วยในการป้องกันกำจัดโรคและแมลงที่อาจเป็นอันตรายต่อพืช
การใช้ไคโตซานในการเพาะปลูกพืชมีได้ทั้งในระบบเพาะเมล็ด, การปลูกพืชในดิน, หรือในระบบปลูกไฮโดโปนิกส์ การศึกษาและการทดลองทางด้านการเกษตรกำลังดำเนินอยู่เพื่อทดสอบประสิทธิภาพและการปรับใช้ไคโตซานในการเกษตรอย่างเหมาะสม